บ้าน คือ รากฐานแห่งความมั่นคงแห่งชีวิต บ้านเปรียบเสมือนกับกอง บัญชาการของชีวิตทุกคนที่พร้อมที่จะมี และพร้อมที่จะตั้งป้อมต่อสู้ชีวิต เพื่อความมั่นคง เพื่อความเป็นปึกแผ่นของชีวิตในอนาคตข้างหน้าต่อไป ทุกคนจะ ต้องมีป้อมชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นป้อมชีวิตที่ต้องเช่ามา หรือป้อมชีวิตที่ซื้อหามาเองเป็นเจ้าของบ้านเอง เพื่อพร้อมที่จะตั้งรับกับเหตุการณ์ภัยทุกอย่าง อย่างที่จะเกิดขึ้นและเพื่อความมั่นคงที่จะเกิดขึ้น
ชีวิตของคนเราทุกคน เหมือนยืนอยู่บนเส้นด้าย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะขาดหรือมันจะเปื่อย เคยบอกอยู่เสมอว่า ชีวิตของคนเราบางครั้งต้องรู้จักระวัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาเป็นเพราะเราประมาทกับการเดินของเส้นทางของชีวิต ไม่เชื่อในโชคชะตา เหมือนคนโบราณได้กล่าวไว้แล้วว่า
คนเราถ้าไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่หลั่งน้ำตา
ไม่เปิดผ้าดูหน้า ก็ไม่รู้ว่าตายแล้ว
วิญญาณบางคนที่ประสบเหตุ เหมือนวิญญาณของตนยังไม่ได้ไปไหน ก็อยู่ในที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าตนเองตายแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่มูลนิธิเอา ผ้าปิดหน้าไว้ แต่พอมีตำรวจ หรือญาติ มาตรวจชันสูตรพลิกศพ เปิดผ้าดูหน้า ตนเองก็ตกใจ ก็ตนเองยืนอยู่ตรงนี้ไม่เชื่อสายตาตนเอง เห็นหน้าคนที่ตายอยู่เป็นหน้าของตนเอง ถึงได้รู้ว่าคนๆเดียวกัน ว่าตนเองตายแล้ว
นี่คือหลัก วิบากกรรม ที่ตนเองไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่เชื่อเมื่อตนเองทำอะไรไม่ได้แล้ว แก้ก็ไม่ได้ ทำบุญช่วยตนเองก็ไม่ได้ เพราะไม่เชื่อในวิบากกรรม และเคราะห์กรรมที่จะเกิดขึ้น ตามคำทำนายของหมอดู
การซื้อบ้านก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่นึกจะซื้อก็ซื้อ บ้านดีหรือไม่ดี ก็ไม่สน ใจไม่สามารถที่จะรู้ได้ ทำเลเหมาะหรือไม่เหมาะ ที่จะทำการค้าได้หรือไม่ก็ไม่รู้ คิดอยู่อย่างเดียว ราคาไม่แพง อยากมีบ้านเป็นของตนเอง ( ใช้กิเลสตันหา กับความของตนเองเพียงอย่างเดียว ) คิดอย่างเดียวว่าอยากได้ ก็ต้องให้ได้จะดีหรือไม่ดี ก็ไม่ใส่ใจ จะรู้อีกครั้งหนึ่งก็ต่อเมื่อบ้านถูกยึด
ดวงบ้านไม่ดี ทำธุรกิจก็ย่ำแย่ การค้าล่มจมหรืออยู่แล้วบ้านแตกสาแหรกขาด เหมือนกับบ้านไม่มีดวง ดวงบ้านไม่ดี บ้านอยู่แล้วแตก แยก หรือดวงบ้านจะต้องมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับสามีและภรรยา มีคนเจ็บ ป่วย ไม่สบายตลอด และมีคนตาย ตำแหน่งทิศทางไม่มีดวง ไม่เสริม หรืออาจจะมาจากการวางฤกษ์ยาม ไม่ดี หรือ มาจากการวางฮวงจุ้ยบ้านไม่ดี หรือ อาจจะนอนทับที่เจ้าที่ หรือที่ 5 ผี ที่เหง๋ากุ๋ย ก็ทำให้บ้านแตกจนกลายเป็นบ้านร้างได้เหมือนกัน
ดังนั้น การหาซื้อบ้านต้องมีบ้านที่ไม่อยู่ในที่ๆมีบ้านร้างอยู่ เพราะการที่มีบ้านร้างอยู่ในบริเวณที่ของตนเองหรือบ้านของตนเอง ก็เปรียบเสมือนป่าช้า บ้าน เป็นที่เก็บบ้านที่ไม่มีชีวิต หรือไม่มีคนอาศัย หลายเป็นที่หมักหมมเต็มไปด้วยเชื้อโรค ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นที่อาศัยอยู่
ด้วยเหตุนี้ความหมายของ คำว่า บ้านสวยในป่าช้า ก็แปลความหมายว่า ถึงแม้นว่าเราจะซื้อบ้าน และตกแต่งบ้านอย่างดี สวยหรูสักปานใด แต่ถ้ารอบๆ ข้างๆของเราหรือบ้านติดกัน มีแต่บ้านร้างก็ไม่น่าที่จะน่าสนใจ สักเท่าไหร่ อีกทั้งควรที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ให้อยู่ใกล้บ้านร้างหลังนี้ หรือในบริเวณนี้
จึงยกตัวอย่างมาให้ทราบ ตึกร้างที่หาดใหญ่ หมู่บ้านร้างที่หัวหิน และอีกหลายแห่งที่กลายเป็นโครงการร้าง ถึงแม้นว่าคนที่มีเงิน และเห็นว่าราคาถูกจึงตั้งใจอยากจะซื้อเอาไว้ เพื่อเก็งกำไรก็ควรที่จะต้องระวังไว้ เพราะบ้านหลายแห่ง หลายโครงการ ที่เกิดขึ้น ขายก็ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังไม่มีโอกาสเจริญรุ่งเรือง คนซื้อ ซื้อแล้วก็มีอันเป็นไป หรือบางรายซื้อแล้วถึงแก่ชีวิต